เกมซีรีย์มาใหม่ Call of Duty : Black Ops Cold War ภารกิจมืดล่าข้ามโลก

เกมซีรีย์มาใหม่

เกมซีรีย์มาใหม่ รีวิว Call of Duty : Black Ops Cold War กับเกมยิงที่ยังยอดเยี่ยมแม้อาจไม่ถูกใจแฟน Modern Warfare

เกมซีรีย์มาใหม่ เกมยิง FPS ที่ดีที่สุดในปีและมีระบบที่น่าสนใจในหลายส่วน แม้จะมีข้อบกพร่องอยู่บ้างในบางจังหวะแต่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งเกม COD ที่มีคุณภาพ

เรียกได้ว่าเป็นธรรมเนียมของทุกปีกับการที่เราต้องมีเกมตระกูล Call of Duty ออกมาส่งท้ายให้คอเกมสายยิงได้สนุกก่อนกาลเวลาล่วงเข้าสู่ปีใหม่ และแม้ปี 2020 จะถือว่าเป็นปีที่มนุษยชาติต้องจดจำกับสารพัดเหตุการณ์และความเปลี่ยนแปลงในการใช้ชีวิต แต่ Call of Duty

ก็ไม่ผิดสัญญาและปล่อยภาคใหม่ในชื่อ Black Ops Cold War ออกมาให้เราได้เล่นกัน ส่วนตัวแล้วผมเองก็เป็นแฟนเกมตระกูลนี้และผ่านมือมาแล้วทุกภาคทั้งในส่วนของ Singleplayer และ Multiplayer  ซึ่งตัวเกมภาคนี้มันจะดีแค่ไหน สมการรอคอยของแฟนเกมหรือเปล่าไปดูกันเลย

เกมซีรีย์มาใหม่

 Call of Duty : Black Ops Cold War Story 

“We Have A Job To Do”

เรื่องราวใน Black Ops Cold War จะหยิบเอาเหตุการณ์ในเกม Call of Duty จักรวาล Black Ops มาสานต่อ โดยเนื้อหาในภาคนี้จะย้อนกลับไปเป็นเนื้อเรื่องหลังเหตุการณ์ในเกม Black Ops ภาคแรก เป็นช่วงที่โลกกำลังอยู่ในวิกฤติการณ์สงครามเย็น

หลังการปรากฏตัวของสายลับโซเวียตในตำนานอย่าง Perseus ทำให้รัฐบาลอเมริกาตัดสินใจตั้งทีมไล่ล่าเพื่อหยุดยั้งแผนการร้ายครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ในภาคนี้เราจะได้รับบทเป็น “Bell” สมาชิกใหม่ของหน่วยลับ CIA

ในส่วนของเนื้อเรื่องนั้น Black Ops Cold War จะเป็นการผสมระหว่างฉากลุยถล่มแหลกสลับกับการสืบสวนสอบสวนค้นหาความจริงในการตามหาตัว Perseus จุดเด่นอีกอย่างของ Black Ops Cold War ก็คือการที่เนื้อหาในโหมด Singleplayer นั้นมีเรื่องของ “ตัวเลือก”

เข้ามาเกี่ยวข้อง เนื้อหาระหว่างการเล่นรวมไปจนถึงฉากจบนั้นมีหลายแนวทาง ดังนั้นเกมเมอร์สายเก็บเนื้อหาก็อาจจะต้องเล่นตัวเกมภาคนี้กันหลายรอบหน่อย

ที่ต้องพูดถึงก็คือการที่เนื้อหาในภาคนี้เชื่อมโยงกับจักรวาล Black Ops ดังนั้นเราก็จะได้พบเจอกับตัวละครชื่อดังอย่าง Mason และ Woods ซึ่งมีฉากและบทสนทนาที่แฟน ๆ ตัวละครเก่า ๆ จะต้องชื่นชอบ

เนื้อเรื่องในภาคนี้ก็คืออารมณ์ในการตามล่าค้นหาความจริงผสมกับการไล่ล่าแบบสนุก ๆ ตามสไตล์ Call of Duty ซึ่งเนื้อเรื่องในช่วงแรกถึงช่วงกลางนั้นดำเดินรอยตามสูตรสำเร็จ ก่อนจะใส่เกียร์ขยับเข้าสู่ความ WTF ในช่วงท้ายและปิดฉากได้แบบสมบูรณ์

ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะชื่นชอบสไตล์การเล่าเรื่องของ Black Ops โดยเฉพาะคนที่คาดหวังว่าจะได้เจอฉากลุยสุดยิ่งใหญ่รัว ๆ แต่โดยรวมแล้ว Black Ops Cold War ก็มีเอกลักษณ์ในส่วนของการเล่าเรื่องและแข็งแกร่งพอจะยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตนเอง

ส่วนใครที่เป็นแฟน Lore หรือเนื้อหาความเชื่อมโยงของจักรวาลต่าง ๆ ใน Call of Duty โดยเฉพาะแฟน Modern Warfare ฉบับ Reboot คุณก็จะได้เจอเซอร์ไพรส์บางอย่างในเกมภาคนี้ด้วย

เกมซีรีย์มาใหม่

Gameplay

เปิดฉากกันมาก่อนเลยว่าตัวเกมภาคนี้ไม่ได้ใช้เอนจิ้นเดียวกันกับตัวเกมภาคก่อนหน้าอย่าง Modern Warfare แต่เป็นการหยิบเอาเอนจิ้นของภาค Black Ops 3 มาอัพเกรดพัฒนาด้วยเครื่องมือจากเอนจิ้นของภาค Modern Warfare ผลที่ตามมาก็คือกราฟฟิกของตัวเกมนั้นมีความสวยงามที่ลดลงกว่าภาคที่แล้ว

อย่างเห็นได้ชัด อีกจุดที่ถูกเปลี่ยนก็คืออนิเมชั่นการใช้ปืนซึ่งภาค Modern Warfare ใช้เทคโนโลยี Motion Capture จากนักแสดงส่วนภาคนี้จะใช้การเรนเดอร์ขึ้นมาซึ่งก็ถือเป็นข้อเสียที่เห็นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่เริ่มเกม

โหมด Singleplayer ภาคนี้ยังมีลูกเล่นพิเศษให้เราสามารถเลือกปรับแต่งตัวเอกอย่าง Bell ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเพศ สีผิว ประวัติ และลักษณะนิสัยเฉพาะตัว ซึ่งเจ้าลักษณะนิสัยนั้นส่งผลกระทบต่อโบนัสพิเศษที่ผู้เล่นจะได้รับ

ในด้านของอารมณ์เกมนั้นความพิเศษนอกจากการยิงแหลกแจกกระสุนตามสไตล์ Call of Duty ตัวเกมยังผสมการไขปริศนา การตามหาหลักฐาน ต่าง ๆ เข้าไปในเกม น่าเสียดายที่หลักฐานต่าง ๆ ที่ให้ผู้เล่นตามหานั้นวางเอาไว้แบบชัดแจ้งจนเราไม่ได้รู้สึกว่าได้ใช่ความสามารถในการเป็นหน่วยลับสักเท่าไหร่

ส่วนตัวปริศนานั้นภายในเกมก็มีให้แก้แบบจริงจังเพียงแค่ 2 อันเท่านั้น ถือว่าน่าเสียดายมาก ๆ เพราะธีมหลักของภาคนี้ในการไล่ล่าตามหาสายลับในตำนานสามารถผูกโยงกับมินิเกมดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

ส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างจาก Call of Duty ในภาคอื่น ๆ ก็คือบางภารกิจในภาคนี้จะเน้นการลอบเร้นเป็นอย่างมากทำให้อารมณ์โดยรวมของ Singleplayer ในภาคนี้จะมีช่วงที่เน้นการพูดคุยมากเป็นพิเศษ ส่วนที่น่าเสียดายอีกอย่างคือภาคนี้ตัวเกมในโหมด Singleplayer นั้นมีความยาวเพียงแค่

10 ชั่วโมงเท่านั้น และแม้ว่าตัวเกมจะมีฉากจบหลายแบบรวมไปถึงมีตัวเลือกให้เลือกในระหว่างภารกิจซึ่งส่งผลกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในเกมแต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มความยาวหรือลดความจำเจในการเล่นซ้ำ ๆ ได้มากขนาดนั้น

ข้อดีจริง ๆ ของเกมตระกูล Call of Duty ก็คือเรื่องของ Gunplay หรือความสนุกในระบบการยิงของปืน ซึ่งส่วนนี้ Black Ops Cold War ยังรักษามาตรฐานเอาไว้ได้ดี ความรู้สึกของการใช้อาวุธยังคงยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นปืนพก ปืนกล หรือไรเฟิลซุ่มยิง แต่จุดที่ลดคุณภาพลงไปแบบชัดเจน

ก็คือเรื่องของเสียงปืนทั้งเสียงจากฝั่งคนยิงไปจนถึงเสียงกระสุนที่วิ่งผ่านอากาศก่อนจะกระทบลงรอบ ๆ ตัวเรา

โหมด Multiplayer ก็มีการเปลี่ยนแปลงหลายส่วนทั้งในฐานะเกม Call of Duty และเกมตระกูล Black Ops เริ่มกันตั้งแต่การถอนเอาระบบ Pick 10 ที่มักถูกใช้ในเกมตระกูล Black Ops ทิ้งไป การจัด Loadout ต่าง ๆ ในภาคนี้จะเน้นความเรียบง่ายตรงตัวแบบเดียวกับในภาค Modern Warfare

แต่ยังเสริมด้วยลูกเล่นพิเศษอย่างการใช้งาน Wildcard หรือ Perk พิเศษอยู่เช่นกัน

ด้าน Gunplay นั้นภาคนี้มี TTK หรือ Time To Kill ที่สั้นเอามาก ๆ เรียกได้ว่าปาดมาเจอหน้ากับเพียงแค่เสี้ยววินาทีก็ล้มลงไปนอนวัดพื้นกันแล้ว ใครที่คิดว่า Modern Warfare ยิงกันตายเร็วมาก ๆ ภาคนี้ตัวเวลาในการยิงกันนั้นถูกลดให้สั้นลงไปอีกระดับ ระบบพิเศษอย่างการพาดปืน หรือ

Tactical Sprint จากภาคก่อนก็ถูกเอาออกไป เปลี่ยนเป็นระบบการเคลื่อนที่ของตัวเองซึ่งก็เป็นการวิ่งในรูปแบบเดียว

 

 

 

เกมRPGมาใหม่